08-18-2022, 06:58 AM
"สภากีฬายานยนต์นานาชาติหรือ FIA World Motor Sport Council ได้อนุมัติกฏกติกาในส่วนของเครื่อยนต์ (Power Unit) ประจำฤดูกาล 2026 แล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพและความยั่งยืนมากขึ้น
![[Image: Webcover-2022_F1.jpg]](https://www.siamsport.co.th/wp-content/uploads/2022/08/Webcover-2022_F1.jpg)
ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า เครื่องยนต์ใหม่ของฟอร์มูล่า วัน จะทำการโละ MGU-H ออกไป และหันไปใช้เชื้อเพลิงที่มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าหลายฝ่ายจะได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันไปหลายสัปดาห์แล้ว แต่พวกเขาต้องรอการอนุมัติขั้นสุดท้ายจาก FIA
สื่ออย่าง Motorsport.com เข้าใจว่า ความล่าช้านั้นเกิดจาก โมฮัมเหม็ด บิน ซูลาเย็ม ประธานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA อย่างไรก็ตาม สภากีฬายานยนต์โลก (World Motor Sport Council – WMSC) ก็ได้ทำการอนุมัติในที่สุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ส่งผลให้เครื่องยนต์ในปี 2026 นั้นจะยังคงเป็นเครื่องยนต์ V6 เช่นเดิม แต่มีเสาหลัก 4 อย่าง ที่ FIA มุ่งเน้นกับการบังคับใช้กฎใหม่นี้ คือ คงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ของการแข่งขันในเครื่องยนต์ปี 2026 จะมีสมรรถนะที่ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ในปัจจุบัน โดยจะใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน V6 กำลังและรอบสูง และหลีกเลี่ยงการสร้างความแตกต่างของสมรรถนะที่มากเกินไปเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น , ด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม – เครื่องยนต์ปี 2026 จะเพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้าขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และจะใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน 100 เปอร์เซ็นต์
ความยั่งยืนทางการเงิน – กฎข้อบังคับทางการเงินเกี่ยวกับเครื่องยนต์จะลดต้นทุนโดยรวมสำหรับผู้เข้าแข่งขัน ในขณะที่ยังคงจัดแสดงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Formula 1
ดึงดูดเหล่าค่ายผู้ผลิตเครื่องยนต์หน้าใหม่ – กฎข้อบังคับมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นไปได้และน่าสนใจสำหรับผู้มาใหม่ในการเข้าร่วมวงการในระดับที่สามารถแข่งขันได้
หลัก ๆ ที่หลายฝ่ายน่าจะรู้สึกสนใจคือ ในปี 2026 นั้นเครื่องยนต์จะไม่มี MGU-H อีกต่อไป ในขณะที่ MGU-K ถูกเพิ่มกำลังจาก 120 กิโลวัตต์ ไปเป็น 350 กิโลวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า เลยทีเดียว และจะทำให้แรงม้าโดยรวมของแพ็กเกจเครื่องยนต์ไปอยู่ที่ระดับมากกว่า 1,000 แรงม้า
ในส่วนของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นก็ถูกให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เชื้อเพลิงที่ใช้นอกจากจะเป็นเชื้อเพลิงยั่งยืน 100 เปอร์เซ็นต์ แล้ว ปริมาณเชื้อเพลิงที่ถูกใช้ก็จะลดลงไปมากเช่นกัน โดยพวกเขาตั้งเป้าที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงต่อสนามเหลือเพียง 70 – 80 กิโลกรัม เท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เชื้อเพลิงที่จะถูกนำร่องใช้ในรถแข่ง F1 ก็จะถูกพัฒนาและนำมาใช้กับรถทั่วไปบนท้องถนน ทำให้นั่นเกิดสภาวะเป็นกลางทางคาร์บอน หรือก็คือคาร์บอนที่เกิดจากการผลิตเชื้อเพลิงจะถูกหักลบออกไปจากการลดการปลดปล่อยคาร์บอนจากการใช้เชื้อเพลิง นอกจากนั้น พวกวัสดุบางอย่าง เช่น แบตเตอรี่ ก็ถูกบังคับให้เป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้
โมฮัมเหม็ด บิน ซูลาเย็ม ประธานเอฟไอเอ กล่าวว่า FIA ได้ผลักดันนวัตกรรมและความยั่งยืนไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ในทุก ๆ วงการกีฬามอเตอร์สปอร์ต และเครื่องยนต์ฟอร์มูล่า วัน ปี 2026 ก็คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภารกิจนั้น”
“การแนะนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ขั้นสูงพร้อมกับเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ยั่งยืนนั้น สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเราในการมอบประโยชน์ให้กับผู้ใช้รถยนต์บนท้องถนน และจะช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2030” ปัจจุบัน เอฟวัน กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก และเรามั่นใจว่ากฎระเบียบเหล่านี้จะสร้างความตื่นเต้นและความเปลี่ยนแปลงที่เราได้ทำไปในปี 2022”
“ผมต้องการที่จะขอบคุณผู้บริหารของ FIA และเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ สำหรับความขยันหมั่นเพียรและความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดใน Formula 1 เพื่อส่งมอบสิ่งนี้ ผมยังจะต้องขอบคุณเหล่าสมาชิก WMSC ของเรา สำหรับการพิจารณาและการอนุมัติกฎระเบียบเหล่านี้”
ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า เครื่องยนต์ใหม่ของฟอร์มูล่า วัน จะทำการโละ MGU-H ออกไป และหันไปใช้เชื้อเพลิงที่มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าหลายฝ่ายจะได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันไปหลายสัปดาห์แล้ว แต่พวกเขาต้องรอการอนุมัติขั้นสุดท้ายจาก FIA
สื่ออย่าง Motorsport.com เข้าใจว่า ความล่าช้านั้นเกิดจาก โมฮัมเหม็ด บิน ซูลาเย็ม ประธานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA อย่างไรก็ตาม สภากีฬายานยนต์โลก (World Motor Sport Council – WMSC) ก็ได้ทำการอนุมัติในที่สุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ส่งผลให้เครื่องยนต์ในปี 2026 นั้นจะยังคงเป็นเครื่องยนต์ V6 เช่นเดิม แต่มีเสาหลัก 4 อย่าง ที่ FIA มุ่งเน้นกับการบังคับใช้กฎใหม่นี้ คือ คงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ของการแข่งขันในเครื่องยนต์ปี 2026 จะมีสมรรถนะที่ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ในปัจจุบัน โดยจะใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน V6 กำลังและรอบสูง และหลีกเลี่ยงการสร้างความแตกต่างของสมรรถนะที่มากเกินไปเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น , ด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม – เครื่องยนต์ปี 2026 จะเพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้าขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และจะใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน 100 เปอร์เซ็นต์
ความยั่งยืนทางการเงิน – กฎข้อบังคับทางการเงินเกี่ยวกับเครื่องยนต์จะลดต้นทุนโดยรวมสำหรับผู้เข้าแข่งขัน ในขณะที่ยังคงจัดแสดงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Formula 1
ดึงดูดเหล่าค่ายผู้ผลิตเครื่องยนต์หน้าใหม่ – กฎข้อบังคับมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นไปได้และน่าสนใจสำหรับผู้มาใหม่ในการเข้าร่วมวงการในระดับที่สามารถแข่งขันได้
หลัก ๆ ที่หลายฝ่ายน่าจะรู้สึกสนใจคือ ในปี 2026 นั้นเครื่องยนต์จะไม่มี MGU-H อีกต่อไป ในขณะที่ MGU-K ถูกเพิ่มกำลังจาก 120 กิโลวัตต์ ไปเป็น 350 กิโลวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า เลยทีเดียว และจะทำให้แรงม้าโดยรวมของแพ็กเกจเครื่องยนต์ไปอยู่ที่ระดับมากกว่า 1,000 แรงม้า
ในส่วนของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นก็ถูกให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เชื้อเพลิงที่ใช้นอกจากจะเป็นเชื้อเพลิงยั่งยืน 100 เปอร์เซ็นต์ แล้ว ปริมาณเชื้อเพลิงที่ถูกใช้ก็จะลดลงไปมากเช่นกัน โดยพวกเขาตั้งเป้าที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงต่อสนามเหลือเพียง 70 – 80 กิโลกรัม เท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เชื้อเพลิงที่จะถูกนำร่องใช้ในรถแข่ง F1 ก็จะถูกพัฒนาและนำมาใช้กับรถทั่วไปบนท้องถนน ทำให้นั่นเกิดสภาวะเป็นกลางทางคาร์บอน หรือก็คือคาร์บอนที่เกิดจากการผลิตเชื้อเพลิงจะถูกหักลบออกไปจากการลดการปลดปล่อยคาร์บอนจากการใช้เชื้อเพลิง นอกจากนั้น พวกวัสดุบางอย่าง เช่น แบตเตอรี่ ก็ถูกบังคับให้เป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้
โมฮัมเหม็ด บิน ซูลาเย็ม ประธานเอฟไอเอ กล่าวว่า FIA ได้ผลักดันนวัตกรรมและความยั่งยืนไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ในทุก ๆ วงการกีฬามอเตอร์สปอร์ต และเครื่องยนต์ฟอร์มูล่า วัน ปี 2026 ก็คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภารกิจนั้น”
“การแนะนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ขั้นสูงพร้อมกับเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ยั่งยืนนั้น สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเราในการมอบประโยชน์ให้กับผู้ใช้รถยนต์บนท้องถนน และจะช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2030” ปัจจุบัน เอฟวัน กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก และเรามั่นใจว่ากฎระเบียบเหล่านี้จะสร้างความตื่นเต้นและความเปลี่ยนแปลงที่เราได้ทำไปในปี 2022”
“ผมต้องการที่จะขอบคุณผู้บริหารของ FIA และเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ สำหรับความขยันหมั่นเพียรและความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดใน Formula 1 เพื่อส่งมอบสิ่งนี้ ผมยังจะต้องขอบคุณเหล่าสมาชิก WMSC ของเรา สำหรับการพิจารณาและการอนุมัติกฎระเบียบเหล่านี้”