"ตังค์" สารัช อยู่เย็น กัปตันทีมบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เผยความพร้อมของทีมก่อนเกมในบ้านนัดแรกของซีซั่นนี้ ที่จะเปิดบีจี สเตเดียม ต้อนรับการมาเยือน "ราชันโคขาว" ลำพูน วอริเออร์ ในวันศุกร์ที่ 9 ก.ย. 65 พร้อมหวังจะเก็บสามแต้มแรกในฤดูกาลนี้ต่อหน้าแฟนบอลในบ้านให้ได้

มิดฟิลด์วัย 30 ปี กล่าวว่า "สภาพความพร้อมของทีมในต้องนี้ก็ค่อนข้างพร้อม เราไม่มีนักเตะบาดเจ็บหรือว่าติดโทษแบน และนักฟุตบอลทุกคนก็อยู่ในสภาพความฟิตที่ดี แต่เราก็จะไม่ประมาท ลำพูนฯ เพราะพวกเขาก็เป็นทีมที่ดีและมีโค้ชโอ่ง (ดุสิต เฉลิมแสน) ที่เคยอยู่กับเราคุมทัพอยู่ก็น่าจะรู้ศักยภาพของนักเตะเราหลายคนเป็นอย่างดี รวมถึงผู้เล่นต่างชาติของเขาก็ถือว่ามีความสามารถ"

สารัช กัปตันทีม บีจี ปทุม ยังกล่าวต่อว่า "อย่างที่ผมเคยบอกว่าทุกทีมที่เราเจอในปีนี้ไม่มีทีมไหนง่ายอย่างแน่นอน ก็อยากจะเชิญชวนแฟนบอลทุกคนให้เข้ามาเชียร์กันให้เต็มสนามเพราะนี่คือเกมแรกในบ้านของพวกเรา และก็เปิดให้เข้าชมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ผมอยากจะเห็นภาพแฟนบอลเต็มสนามในบ้านของเรา เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักฟุตบอลทุกคน และหวังว่าพวกเราจะเก็บสามแต้มแรกของฤดูกาลในเกมนี้ให้ได้เพื่อแฟนบอลทุกคน"

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกนัดต่อไปของขุนพล "เดอะแรบบิท" บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะมีคิวเปิดบ้านรอต้อนรับการมาเยือนของ "ราชันโคขาว" ลำพูน วอริเออร์ ในวันศุกร์ที่ 9 ก.ย.65 เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง AIS Play

J.League สุดสัปดาห์นี้ Siamsport ยิงสดให้ชมจุใจ 2 วัน 4 คู่

#ทีมเจ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ พบ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2565 เวลา 16.30 น.

#ทีมอินซ์ เซเรโซ่ โอซาก้า พบ ซางัน โทสุ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2565 เวลา 17.00 น.

#ทีมเช็ค ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร พบ จูบิโล่ อิวาตะ วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2565 เวลา 11.00 น.

รับชมได้ทาง Facebook Siamsport SIAMSPORT YouTube Channel

เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับทัวร์นาเมนต์อันน่าภาคภูมิใจของประเทศไทยและสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายิมนาสติก​ ​แอโรบิก​ ชิงแมป์เอเชีย​ ครั้งที่​ 7 ที่ศูนย์กีฬาภาคตะวันออก พัทยา จ.ชลบุรี​ ระหว่างวันที่​ 3-5 ก.ย.ที่ผ่านมา

บรรยากาศการชิงชัยตลอด 3 วันนั้นเป็นไปอย่างชื่นมื่น ท่ามกลางเหล่านักกีฬายิมนาสติกแอโรบิกจากตัวแทนทีมชาติจากทั้ง 10 ประเทศ อันประกอบไปด้วย กัมพูชา, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, คีร์กิซสถาน, มองโกเลีย, เวียดนาม และ ไทย รวมทั้งเหล่าผู้ปกครอง-ครอบครัวของนักกีฬา และพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่เดินทางไปรับชมเกมการแข่งขันอันสวยงามจากท่วงท่าที่พริ้วไหวของนักกีฬาแต่ละคน

สำหรับการแข่งขันยิมนาสติกแอโรบิกชิงแชมป์เอเชียรายการนี้ แบ่งการแข่งขันออก 3 รุ่นอายุ ได้แก่ ยุวชน (12-14 ปี), เยาวชน (15-17 ปี) และ ประชาชน (18 ปีขึ้นไป) ชิงชัย 6 ประเภท ได้แก่ ประเภทบุคคลชาย, ประเภทบุคคลหญิง, ประเภททรีโอ (ทีม 3 คน), ประเภทมิกซ์แพร์ (คู่ผสม), ประเภทกรุ๊ป (กลุ่ม) และ ประเภทแอโรบิกแดนซ์ ซึ่งประเภทสุดท้ายนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย และประเทศไทยได้ริเริ่มขึ้นเป็นชาติแรกอีกด้วย



ผลการชิงชัยนั้นปรากฎว่าทัพนักกีฬายิมนาสติกแอโรบิกทีมชาติไทยจำนวนทั้งสิ้น 44 คนที่สมาคมฯ ส่งเข้าร่วมชิงชัยใน 3 รุ่นอายุนี้ สามารถทำผลงาน 3 วันคว้ามาได้ 1 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง โดย 1 เหรียญทองโทนที่ได้มานั้นไม่ใช่จากใครที่ไหน หากแต่เป็น "จ๋า" ชวิศา อินทกุล ยิมนาสติกแอโรบิกสาวเบอร์หนึ่งของไทยวัย 24 ปี เจ้าของเหรียญทองบุคคลหญิงซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนามล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ชวิศา สามารถกระชากเหรียญทองมาได้ในประเภทบุคคลหญิง รุ่นประชาชน ที่มีนักกีฬาจากทั้งเกาหลีใต้และเวียดนาม ร่วมห้ำหั่น แต่สุดท้ายลีลาอันยอดเยี่ยมของเจ้าตัวก็สามารถทำคะแนนได้ 19.250 สูงที่สุดจากจำนวนผู้เข้าแข่งขันทุกคน คว้าเหรียญทองเพียงหนึ่งเดียวให้แก่ประเทศไทยได้สำเร็จ ส่วนเจ้าเหรียญทองก็หนีไม่พ้นทีมชาติเกาหลีใต้ที่นอนมาตั้งแต่แรกด้วยศักยภาพและดีกรีระดับแชมป์โลก

หลังจบการแข่งขัน จ๋า ชวิศา อินทกุล เปิดเผยความรู้สึกว่า รู้สึกดีใจเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ขนาดนี้ เพราะก่อนแข่งขันก็เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นเข่ามาด้วย ซึ่งตนก็คิดแค่ว่าจะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุดโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องเหรียญทอง พอได้เหรียญทองมาก็รู้สึกภูมิใจมาก โดยคิดว่ามาได้ขนาดนี้น่าจะเป็นเรื่องความตั้งใจและพยายามไม่กดดันตัวเองแต่จะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุดไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร

"หลังจากนี้หนูก็คงจะเตรียมร่างกายและฝึกซ้อมให้พร้อมกับการไปป้องกันเหรียญทองจากกีฬาซีเกมส์ให้ได้อีกครั้งในช่วงกลางปีหน้าที่ประเทศกัมพูชา และก็อยากฝากพี่น้องชาวไทยช่วยมาติดตามกีฬายิมนาสติกแอโรบิกกันเยอะๆ เพราะเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์อีกกีฬาหนึ่ง ถึงคนจะยังไม่ค่อยรู้จักแต่นักกีฬาคนไทยก็เล่นกันเยอะ อยากให้มาช่วยเชียร์ทีมชาติไทยหรือนักกีฬาไทยกันเยอะๆ ค่ะ" ยิมแอโรบิกสาวคนเก่งทีมชาติไทยกล่าวทิ้งท้าย



ขณะที่ "มิสแทมมี่" ยาจิ คิตากาว่า ประธานยิมนาสติกแอโรบิกโลกชาวญี่ปุ่น ได้กล่าวชื่นชมสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย จัดสถานที่แข่งขันได้สวยงาม สมเกียรติ และ สร้างรอยยิ้ม สร้างความประทับใจให้กับนักกีฬาทั้ง 10 ชาติ พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันยิมนาสติกแอโรบิกชิงแชมป์โลกอีก 2 ครั้งข้างหน้าต่อจาก ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ได้ทันที

ด้าน น.ต.ศรายุทธ พัฒนศักดิ์ นายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับทีมชาติเกาหลีใต้ ที่นำดีกรีชุดแชมป์โลกเดินทางมาแข่งขันและครองเจ้าเหรียญทอง ส่วนทีมชาติไทย ได้ 1 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง ก็ถือเป็นผลงานที่ดีเกินคาด เนื่องจากเราเจอกับนักกีฬาระดับโลก ส่วนปีหน้าอีก 8 เดือนมีรายการใหญ่อย่างมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ที่กัมพูชา เรามีเวลาเตรียมทีมไม่มาก แต่ต้องเต็มที่

อย่างน้อยก็จะได้ผู้ฝึกสอนชาวสเปนมาคุมเข้ม นอกจากนี้นักกีฬาก็ซ้อมกันอย่างหนัก เชื่อว่าจากผลพวงจากศึกยิมแอโรบิกชิงแชมป์เอเชีย ครั้งนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักกีฬายิมนาสติกไทย พร้อมตั้งเป้าจากซีเกมส์ครั้งที่แล้วที่คว้ามาได้ 2 เหรียญทอง ในครั้งหน้าที่กัมพูชาจะต้องคว้าได้มากกว่า 4 เหรียญทองอย่างแน่นอน

คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ มองว่า โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หัวหอก ลิเวอร์พูล ทำหน้าที่ได้คล้ายกับที่ คาริม เบนเซม่า ทำได้กับ เรอัล มาดริด พร้อมชมดาวเตะชาวบราซิเลียนว่ามักจะอ่านสถานการณ์ได้เก่ง

ลิเวอร์พูล เพิ่งออกไปแพ้ นาโปลี 1-4 ที่สนาม ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งเกมนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของพวกเขาตัดสินใจให้ ฟีร์มีโน่ เป็นตัวจริง ขณะที่ ดาร์วิน นูนเญซ ออกสตาร์ตด้วยการเป็นตัวสำรอง โดยบางคนตั้งคำถามว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่

เซดอร์ฟ เผยว่า "ดีเอโก้ มาราโดน่า ทำให้คุณตระหนักได้ทันทีว่าที่นี่น่ะคุณไม่สามารถทำตัวสบายๆ จนเหมือนมาเดินเล่นได้ และผมคิดว่านักเตะ ลิเวอร์พูล ก็คงจะเข้าใจถึงเรื่องนั้นแล้ว แต่ผมก็จะยังเลือก ฟีร์มีโน่ ติดทีมอยู่เสมออยู่ดี สาเหตุที่ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมาน่ะมันเป็นเพราะเขาทำหน้าที่เหมือนกับที่ เบนเซม่า ทำได้กับ เรอัล มาดริด นิดหน่อย"

"เขารู้ว่าต้องเล่นยังไงในเวลาที่ต้องถอยลงมาต่ำนิดหน่อย รวมถึงรู้ว่าต้องเล่นยังไงเวลาถูกจับไปยืนเป็นปีก เขาเป็นนักเตะหมายเลข 9 ที่อ่านสถานการณ์ออกว่าทีมต้องการอะไรในจังหวะนั้นๆ และฤดูกาลนี้ คล็อปป์ ก็จะให้ความสำคัญกับเขาเป็นอย่างมาก ต่อให้จะได้ นูนเญซ มาร่วมทีมก็ตาม"

"ไบรท์ตัน"ออกแถลงการณ์ ยืนยัน "เกรแฮม พอตเตอร์" พาทีมงานโยกจาก "ไบรท์ตันแอนด์โฮปอัลเบียน" ไปรับงานให้ "เชลซี"ทีมร่วมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หลัง"สิงโตน้ำเงินคราม" ปลด"โธมัส ทูเคิ่ล" ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม ประธานสโมสร"ไบรท์ตัน" ยกเครดิตให้ในฐานะฮีโร่พาทีมสร้างผลงาน
"ไบรท์ตันแอนด์โฮปอัลเบี้ยน" หรือ "ไบรท์ตัน" สโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทีมอันดับ 4 ของตาราง ออก แถลงการณ์ ว่า ขณะนี้ "เกรแฮม พอตเตอร์ " ได้สิ้นสุดในการทำหน้าที่"เฮดโค้ช" ให้กับทีม โดย "พอตเตอร์" พร้อมด้วยทีมงานซึ่งประกอบด้วย บิลลี่ รีด ผู้ช่วย , บียอร์น แฮมเบิร์ก , บรูโน่ โค้ชทีมชุดใหญ่ , เบน โรเบิร์ตส์ โค้ชผู้รักษาประตู และผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายสรรหา ไคล์ แมคคอเลย์ พากันลาออกไปพร้อมกับ "พอตเตอร์" เพื่อไปร่วมงานกับ "เชลซี" สโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทีมอันดับ 6 ที่แยกทางกับ "โธมัส ทูเคิ่ล" ผู้จัดการทีมที่ร่วมงานกับ "เชลซี" ตั้งแต่มกราคม 2021



"เกรแฮม พอตเตอร์" เป็นตัวเลือกแรก ทันทีที่ตำแหน่ง ผู้จัดการทีม หรือ "เฮดโค้ช" ว่างลง เมื่อ ฝ่ายบริหารของ"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยเกมนัดล่าสุดของ"เชลซี" ภายใต้การนำของ โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมวัย 49 ปี ที่พา "เชลซี" ออกไปแพ้ให้กับ " ไดนาโมซาเกรป" ทีมในโครเอเชีย ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก นัดแรก ของรอบแบ่งกลุ่ม แข่งไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้กลายเป็นที่มาในการประกาศปลด "ทูเคิ่ล" ออกจากตำแหน่ง และเชลซี ใช้ระยะเวลาอันสั้น ในการแต่งตั้งให้ " เกรแฮม พอตเตอร์" วัย 47 ปี สัญชาติอังกฤษ เข้ามารับหน้าที่ เฮดโค้ช


"ผมผิดหวังมากที่เกรแฮมจะจากเราไป เขาทำได้ดีเป็นพิเศษ ในช่วงสามฤดูกาลที่ผ่านมา เขาเป็นเฮดโค้ชที่ยอดเยี่ยมและเป็นคนพิเศษ เขาจะพลาดอย่างมหาศาลที่สโมสรฟุตบอลของเรา ทั้งที่เขาเป็นคนนำพาพวกเราไปสู่ความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร เมื่อฤดูกาลที่แล้ว อย่างไรก็ตามผมอยาก จะขอบคุณ เกรแฮม , บิลลี่ , บียอร์น , บรูโน่ , เบน และ ไคล์ สำหรับงานของพวกเขาที่นี่ และขอให้พวกเขาโชคดี กับอนาคต" โทนี่ บลูม ประธานสโมสรไบรท์ตัน กล่าวในแถลงการณ์ของสโมสร ที่มีต่อ " เกรแฮม พอตเตอร์" หลังการลาออก เพื่อไปร่วมงานกับ "เชลซี"



"ไบรท์ตัน" ประกาศแต่งตั้งให้ แอนดรูว์ ครอฟต์ส โค้ชทีมอายุต่ำกว่า 21 ปี
เข้ามารับหน้าที่เป็นเฮดโค้ชชั่วคราวของ "อัลเบียน" โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ช่วยของเขา แชนนอน รูธ, นิค สแตนลีย์ โค้ชเซ็ตเพลย์, อดัม ลัลลานา และแจ็ค สเติร์นผู้ช่วยโค้ชผู้รักษาประตู " ความสนใจของเราคือการแต่งตั้งผู้รับงานต่อจากพอตเตอร์ แต่อันดับแรก สิ่งที่เราต้องทำก็คือ การออกไปเยือนบอร์นมัธ ในเกมประจำวันเสาร์ เราจะสนับสนุน แอนดรูว์ ครอฟต์ส ต่อการเข้ามาทำหน้าที่เฮดโค้ชให้กับทีม จนกว่าการสรรหาเฮดโค้ชคนใหม่ จะได้ข้อยุติ "แถลงการณ์ของไบรท์ตัน อ้างคำพูดของประธานสโมสร โทนี่ บลูม ระบุ

.

"เชลซี "มอบสัญญาการทำงาน 5 ปี

.

"เชลซี" ทีมอันดับ 6 ในตารางพรีเมียร์ลีก ออกแถลงการณ์เช่นกัน "เชลซี "
ขอต้อนรับ เกรแฮม พอตเตอร์ (แกรห์ม พอตเตอร์) เป็นเฮดโค้ชคนใหม่ของพวกเรา โดยเขาได้เซ็นสัญญาระยะเวลา 5 ปี เพื่อนำฟุตบอลและการฝึกสอนที่ทันสมัยมาสู่สแตมฟอร์ดบริดจ์


"เกรแฮม พอตเตอร์" เป็นหนึ่งในโค้ชที่น่าจับตามองที่สุดของ เขาได้เริ่มต้นเส้นทางการทำหน้าที่โค้ชที่ประเทศสวีเดน ก่อนนำเอาประสบการณ์มาใช้กับฟุตบอลอังกฤษตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เขาทำงานให้ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ซึ่ง "พอตเตอร์" พาสโมสรจบอันดับที่ดีที่สุดตลอดกาลในลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว คืออันดับ 9 ของตาราง เขาได้รับคำชื่นชมจากสไตล์การเล่น นอกจากนี้ยังได้พิสูจน์ให้เห็นถึงกลยุทธ์และรูปแบบที่ยืดหยุ่น ซึ่งช่วยให้นำหน้าคู่ต่อสู้หนึ่งก้าวเสมอ " แถลงการณ์ จากเชลซี ระบุ



เกรแฮม พอตเตอร์ เฮดโค้ช "เชลซี" กล่าวว่า "เชลซี" คือสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มเจ้าของใหม่ของเชลซี และรอการได้พูดคุยและทำงานร่วมกับกลุ่มนักฟุตบอล

"ผมอยากจะกล่าวคำขอบคุณอย่างสุดซึ้งไปยังไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ที่ได้มอบโอกาสนี้ให้กับผม และโดยเฉพาะสำหรับโทนี่ บลูม ประธานสโมสร นักฟุตบอล ทีมงาน และแฟนบอล ที่ให้การสนับผมสนุนเรื่อยมาตลอดช่วงเวลาของผมกับสโมสร" พอตเตอร์ กล่าว


ท็อดด์ โบห์ลี่ ประธานสโมสรเชลซี กล่าวว่า พอตเตอร์ เป็นโค้ชที่ได้ผ่านการพิสูจน์ฝีมือมาแล้วในพรีเมียร์ลีก และมีความเหมาะสมกับวิสัยทัศน์ของสโมสร ไม่เพียงแต่จะโดดเด่นในสนาม เขายังมีทักษะและความสามารถที่เห็นได้จากนอกสนามด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เชลซีเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น เขาได้สร้างอิทธิพลที่ดีในการทำงานร่วมกับต้นสังกัดเดิม และเชลซี
ก็หวังที่จะเห็นสิ่งนั้น ในการทำงานเชิงบวกของเขา ร่วมกับเชลซี ที่นี่พร้อมให้การสนับสนุนเขา ทีมโค้ชของเขา และกลุ่มผู้เล่น กับการเพิ่มศักยภาพของทุก ๆ คนที่จะเกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนและหลายปีต่อจากนี้ ประธานสโมสรเชลซี กล่าว

.

จากสวีเดน สู่ "สวอนซี" - ร่วมงาน"ไบรท์ตัน"

.
เว็บไซด์ของ "เชลซี" อ้างอิงผลงานของ เกรแฮม พอตเตอร์ โดยระบุว่า ตลอด 3 ฤดูกาลที่รับงานให้กับ "ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน" พอตเตอร์ แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้จัดการทีมที่เปี่ยมไปด้วยแนวคิดที่ล้ำสมัย ความเชี่ยวชาญในการพัฒนานักฟุตบอล การสร้างทีมด้วยอัตลักษณ์ที่ชัดเจน และความเข้าใจด้านแท็คติกอันแข็งแกร่ง ก่อนรับงานกับ "ไบรท์ตัน" ที่ดิเอเม็กซ์ สเตเดี้ยม "พอตเตอร์" เคยเป็นนักฟุตบอลในตำแหน่งแบ็คซ้าย โดยเป็นการเล่นในลีกรองของอังกฤษ ทั้งกับ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้, สโต๊ค ซิตี้ และเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน และเล่นในพรีเมียร์ก หนึ่งฤดูกาลกับ "เซาแฮมป์ตัน"


หลังจากรีไทร์ตัวเองกับวงการฟุตบอล "พอตเตอร์" ศึกษาเพิ่มเติมในสายอาชีพโค้ช ได้รับปริญญาด้านสังคมศาสตร์,ปริญญาโทด้านความเป็นผู้นำ ที่มหาวิทยาลัยลีดส์ เมโทรโปลิตัน ที่มหาวิทยาลัยลีดส์ เขาได้ประสบการณ์งานโค้ชครั้งแรก โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยลีดส์ เมโทรโปลิตัน รวมทั้งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการฝ่ายพัฒนาฟุตบอลของมหาวิทยาลัยฮัลล์ และผู้อำนวยการด้านเทคนิคของทีมหญิงทีมชาติกาน่าในฟุตบอลโลก 2007



"พอตเตอร์" เข้าสู่เส้นทางระดับอาชีพ เมื่อย้ายไปที่สวีเดนช่วงปลายปี 2010 โดยรับงานคุมทีม ออสเตอร์ซุนด์ส ในดิวิชั่นระดับที่ 4 ของประเทศ ก่อนจะปลุกปั้นยกระดับทีมได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนกลายเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของลีกสูงสุดสวีเดน พร้อมคว้าถ้วยรางวัลใบแรกในประเทศ และผ่านเข้ารอบไปเล่นฟุตบอลยุโรป


เขาพาสโมสรเลื่อนชั้น ในฐานะทีมแชมป์ ทั้ง 2 ฤดูกาลแรก ที่เข้าคุมทีม ก่อนที่จะพาต้นสังกัดไปเล่นลีกสูงสุด และจบอันดับ 2 ในฤดูกาลที่ 3 เมื่อปี 2015 และในการพา ทีมออสเตอร์ซุนด์ส ไปเล่นในลีกสูงสุดของสวีเดน ทำให้เขา ได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ 2 สมัย ติดต่อกัน


"พอตเตอร์" สร้างผลงาน ในฤดูกาลสุดท้ายของเขาที่สวีเดน โดยออสเตอร์ซุนด์ส เอาชนะทีมยุโรป จนผ่านเข้าไปเล่นยูโรป้า ลีก ก่อนจะผ่านจากรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งประกอบด้วยทีม อย่างแอธเลติก บิลเบา และแฮร์ธา เบอร์ลิน สุดท้ายพวกเขาตกรอบด้วยน้ำมือของอาร์เซนอลในการแข่งขันรอบน็อคเอาท์ แต่"พอตเตอร์"ก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากการคว้าชัยชนะ 2-1 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในเลกที่สองของการแข่งขัน



จากนั้นเขาได้รับข้อเสนอให้กลับอังกฤษเพื่อเข้าคุมทีมสวอนซี ซิตี้ ในฤดูกาล 2018/19 หลังสโมสรตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก เขาเริ่มสร้างทีมสวอนซีที่เน้นดาวรุ่งขึ้นมาใหม่ และได้ลุ้นการผ่านไปเล่นรอบเพลย์ออฟในช่วงโค้งสุดท้าย หลังจากทำผลงานยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งหลังของซีซั่น เช่นเดียวกับการผ่านไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ ซึ่งในตอนแรกพวกเขาออกนำแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ก่อนจะพ่ายไปด้วยสกอร์ 3-2

.

พา"นกนางนวล" ต้อน "ปีศาจแดง"

.
"ไบรท์ตัน" เสนอโอกาสให้"พอตเตอร์" เข้ามาทำหน้าที่ พาทีมออกสตาร์ทพรีเมียร์ ลีก ซีซั่น 2019/20 จบด้วยอันดับ 15 ของตาราง ,ฤดูกาลที่สอง เขาพาทีมจบอันดับ 16 ส่วนฤดูกาล 2021/22 คือ พาทีมจบอันดับ 9 ของตาราง และฤดูกาลนี้เอง ที่เขาพา "ไบรท์ตัน" เอาชนะ "แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด" 4-0 ในการพบกันเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ผลงานครั้งนั้นเป็นการปิดโอกาส "ปีศาจแดง" หมดลุ้นทำแต้มเบียด"เชลซี" ในการแย่งชิงพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก ไปโดยปริยาย


ฤดูกาลปัจจุบันที่เพิ่งออกสตาร์ท "พอตเตอร์" พา "ไบรท์ตัน" ทีมจาก
"เซาท์โคสต์"ทำสถิติชนะ 4 นัด และแพ้เพียงแค่นัดเดียว ตลอดการแข่งขันพรีเมียร์ ลีก 6 นัด โดยเกมล่าสุด เอาชน ะเลสเตอร์ ซิตี้ 5-2 ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายที่แกรแฮม พอตเตอร์ ร่วมงานกับไบรท์ตัน และพาทีมรั้งอันดับ 4 ในตารางคะแนน ณ ขณะนี้ ทั้งนี้ผลงานในการคุมทีมที่อังกฤษของพอตเตอร์ คุม ไบรท์ตันลงเล่น 134 นัด ส่วน "สวอนซีซิตี้" ซึ่งคุมทีม หนึ่งฤดูกาลพาทีมลงแข่งขันทุกรายการ 51 นัด

หลังย้ายพ้นทีมกลางตารางสู่ทีมหัวตาราง ริชาร์ลิสัน ก็ทำสำเร็จไปอีก 1 ก้าวและทิ้งตัวหลั่งน้ำตาขั้นสุดถึงความสำเร็จในครั้งนี้

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน 2565 ค่ำคืนที่ผ่านมาในเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่สนาม ทอตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม เกมระหว่าง ทัพไก่เดือยทอง เจ้าบ้าน ที่เอาชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย ไปด้วยสกอร์ 2-0

เกมนี้เป็นเกมแรกในชีวิตที่ ริชาร์ลิสัน ดาวยิงทีมชาตบราซิล ลงเล่นในศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปถ้วยที่ใหญ่ที่สุด และเป็นเกมแรกนี้เองที่เจ้าตัวสามารถจะโขกประตูขึ้นนำให้ทีม 1-0 ก่อนจะบวกได้อีก 1 ประตู เป็น 2 ประตู และพาทีมเอาชนะคู่แข่งประเดิม 3 คะแนนแรกใน แชมเปียนส์ ลีก ปีนี้ได้สำเร็จ

หลังเกมดังกล่าว เจ้าตัวเดินขอบคุณแฟนบอลอยู่ ซึ่งมีแฟนบอลกลุ่มหนึ่งถือรูปของเจ้าตัว ซึ่งเป็นครอบครัวของ ริชาร์ลิสัน นั่นเอง ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวลงไปนั่งร้องไห้ด้วยความปลื้มปีติและดีใจเป็นอย่างมากจากความสำเร็จในเกมแรกของการลงเล่นในถ้วยใหญ่เช่นนี้

เกมยังไม่ทันจบจะรีบนับศพซะแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน ควันหลงหลังจากเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปปราชัยแบบหมดสภาพคาบ้านของ นาโปลี ด้วยสกอร์ 1-4 ในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา

มีรายงานว่า สกายเบต บริษัทรับพนันถูกกฎหมายของประเทศอังกฤษ รายงานว่า อัตราต่อรองหล่นวูบจาก 66/1 (แทง 1 จ่าย 66 ไม่รวมทุน) สู่ 20/1 (แทง 1 จ่าย 20 ไม่รวมทุน) ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายครึ่งแรก และปรับเป็น 16/1 ในช่วงก่อนเริ่มครึ่งหลัง ปัจจุบันราคาหลังจบเกมอยู่ที่ 12/1 (แทง 1 จ่าย 12 ไม่รวมทุน)

12/1 ของ เยอร์เกน คลอปป์ ในเวลานี้รั้งอันดับ 3 ของ 20 กุนซือของศึก พรีเมียร์ลีก โดยที่ เต็งอันดับ 1 เป็นของ เกรแฮม พอตเตอร์ กุนซือไบรจ์ตัน ที่มีข่าวจะย้ายไปเป็นนายใหม่ของ เชลซี โดยที่มีอัตราอยู่ที่ 1/12 (แทง 12 จ่าย 1 ไม่รวมทุน) อันดับ 2 เป็นของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่อาการหนักพอๆ กัน อยู่ที่ 8/1 (แทง 1 จ่าย 8 ไม่รวมทุน)

ลิเวอร์พูล ไม่ได้แพ้แค่สกอร์ เพราะมีอีก 4 สถิติที่ชัดเจนว่า นาโปลี สมควรแก่ชัยชนะมากๆ

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน ควันหลงหลังจากเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปปราชัยแบบหมดสภาพคาบ้านของ นาโปลี ด้วยสกอร์ 1-4 ในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา

สกอร์ของเกมนี้จบลงด้วยการที่ "หงส์แดง" พ่ายแพ้แบบหมดรูปแต่หากดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่ได้มีแค่เรื่องสกอร์ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อ นาโปลี แม้หลายๆ อย่างทั้ง เปอร์เซ็นต์การครองบอล, ฟรีคิก, การผ่านบอล, การผ่านบอลสำเร็จ, เข้าปะทะ และการรุกเข้าพื้นที่อันตราย จะทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน

4 สิ่งที่ นาโปลี เหนือกว่าในเกมนี้ประกอบไปด้วย โอกาสการทำประตู (18-15), การยิงตรงกรอบ (8-7), การยิงไม่ตรงกรอบ (5-2) และ ผู้รักษาประตูเซฟ (6-4)

เกมต่อไปของ ลิเวอร์พูล ใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก จะกลับไปเล่นใน แอนฟิลด์ พบกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในวันที่ 13 กันยายน 2565 นี้

ฝ่ายชายที่เหนื่อยล้าที่มาพร้อมอาการบาดเจ็บจากการแข่งขันมาราธอน พยายามจะคุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงานแต่ก็ต้องล้มลงไปกองกับพื้นทันที

วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 มีวิดีโอที่ถูกพูดถึงมากบนทวิตเตอร์ เป็นคลิปหลังการแข่งขันวิ่งมาราธอนรายการหนึ่งในทวีปยุโรปที่แม้จะเริ่มต้นด้วยความหวานแต่ระหว่างทางก่อนจะชื่นมื่นก็ต้องผ่านความเจ็บปวดไปบ้าง

ในคลิปดังกล่าวเผยภาพที่นักกีฬารายหนึ่งวิ่งเข้าเส้นชัยพร้อมอาการเหนื่อยล้ามากๆ และมีแฟนสาวยื่นรอสวมกอดอยู่แต่ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะคุกเข่าขอแต่งงานท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก

ซึ่ง ทันทีที่คุกเข่าลงไปเจ้าตัวก็เกิดอาการกล้ามเนื้อตึงและล้มลงไปนอนกับพื้นในทันทีจนพิธีกรต้องวิ่งเข้ามาช่วยให้สิ่งที่ฝ่ายชายต้องการสำเร็จด้วยการยื่นไมค์ให้พูดขอแต่งงาน และ ฝ่ายหญิงก็ตอบตกลงในทันที เหตุการณ์นี้ก็จบลงด้วยความหวานชื่นก่อนที่ฝ่ายชายจะไปรักษาอาการกล้ามเนื้อตึงจากการแข่งขันต่อไป ซึ่งเมื่อคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ลงโลกออนไลน์มีผู้เข้ามาชื่นชมและยินดีกับข้าวใหม่ปลามันคู่นี้จำนวนมาก.

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล พลาดท่าบุกมาแพ้ นาโปลี ไปแบบยับเยิน ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2022-23 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดแรก ประจำวันพุธที่ 7 ก.ย. 65 คู่ที่น่าสนใจ นาโปลี จากกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เปิดสนามสตาดิโอ ดีเอโก อาร์มานโด มาราโดนา รับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เปิดฉากครึ่งแรกมาแค่นาทีเดียว นาโปลี ได้ลุ้นจากจังหวะที่เปิดบอลยาวขึ้นมาให้ วิคเตอร์ โอซิมเฮน หลุดไปแตะหลบ อลิสสัน เบคเกอร์ แล้วยิงไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

จากนั้นนาทีที่ 5 นาโปลี ได้จุดโทษจากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ ทำแฮนด์บอล และเป็น ปิโอเตอร์ ซีลินสกี รับหน้าที่สังหารไม่พลาด พา นาโปลี ขึ้นนำ 1-0

นาท่ีที่ 18 นาโปลี ได้จุดโทษอีกครั้ง จากจังหวะที่วีเออาร์เช็กว่า วิคเตอร์ โอซิมเฮน โดน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ทำฟาวล์ในเขตโทษ แต่ โอซิมเฮน ยิงไปติดเซฟ อลิสสัน เบคเกอร์

นาทีที่ 31 นาโปลี หนีเป็น 2-0 ปิโอเตอร์ ซีลินสกี จ่ายบอลทะลุเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ อันเดร แซมโบ อังกิสซา ยิงด้วยซ้ายเสียบเสาแรกเข้าไป

นาทีที่ 44 นาโปลี นำห่าง 3-0 ควิชา ควารัตสเคเลีย เบียดแย่งบอลชนะ โจ โกเมซ ในเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนจ่ายเรียดเข้ากลางให้ โจวานนี ซิเมโอเน ยิงโล่งๆ เข้าไป

จบครึ่งแรก นาโปลี นำ ลิเวอร์พูล 3-0

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 47 นาโปลี หนีไปไกลเป็น 4-0 เมื่อ ปิโอเตอร์ ซีลินสกี ยิงด้วยขวาในเขตโทษจังหวะแรกไปติดเซฟ อลิสสัน ก่อนที่ ซีลินสกี จะตามไปซ้ำอีกทีตุงตาข่าย

จากนั้นนาทีที่ 49 ลิเวอร์พูล ไล่มาเป็น 1-4 หลุยส์ ดิอาซ ปั่นด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลโค้งเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างเฉียบขาด

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม นาโปลี ชนะ ลิเวอร์พูล 4-1

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม มีดังนี้

นาโปลี: อเล็กซ์ เมเรต (GK), มาธิอัส โอลิเวรา, คิม มิน แจ, อาเมียร์ ราห์มานี, จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ, สตานิสลาฟ โลบอตกา, อันเดร แซมโบ อังกิสซา, มัตเตโอ โปลิตาโน, ปิโอเตอร์ ซีลินสกี, ควิชา ควารัตสเคเลีย และ วิคเตอร์ โอซิมเฮน

ลิเวอร์พูล: อลิสสัน เบคเกอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ, เจมส์ มิลเนอร์, ฮาร์วีย์ เอเลียตต์, หลุยส์ ดิอาซ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต เฟอร์มิโน